“เครื่อง AED” ผู้ช่วยฉุกเฉินที่ควรมีติดบ้าน

เป็นลม หมดสติ และหัวใจล้มเหลวเฉียบพลัน เป็นอาการที่พบเจอได้บ่อยในคนทุกช่วงวัย และเกิดขึ้นได้จากหลายสาเหตุ ทั้งปัญหาสุขภาพเรื้อรัง ปัญหาสุขภาพที่เพิ่งเกิดขึ้นแบบฉับพลัน รวมถึงสภาพแวดล้อมในชั่วขณะนั้น

แต่ไม่ว่าจะด้วยสาเหตุใด เมื่อคนๆ หนึ่งล้มหมดสติไป ย่อมมีความเสี่ยงที่จะเสียชีวิตได้ในเวลาอันรวดเร็ว เพราะคนเราสามารถอยู่ในภาวะขาดออกซิเจนได้ไม่เกิน 4 นาทีเท่านั้น

วิธีการสำคัญที่จะช่วยต่อชีวิตผู้ป่วยได้ดีที่สุด คือ การเร่งกู้สัญญาณชีพด้วยการ CPR ควบคู่การใช้เครื่อง AED นั่นจึงเป็นเหตุผลว่าทำไมวันนี้เราจึงอยากพาทุกคนมาทำความรู้จักกับเครื่อง AED ผู้ช่วยฉุกเฉินที่แนะนำให้ควรมีติดบ้านไว้สักเครื่อง

เครื่อง AED คืออะไร

หลายคนอาจเคยเรียนรู้มาว่า หากพบคนเป็นลม หมดสติ หรือหัวใจล้มเหลวเฉียบพลัน ให้รีบทำ CPR ด้วยการปั๊มหัวใจโดยเร็วที่สุด ซึ่งเป็นเรื่องที่ถูกต้องและเหมาะสม เพราะสามารถทำได้ทันที โดยไม่ต้องเตรียมอุปกรณ์ใดๆ เพิ่มเติม

แต่เชื่อว่าหลายคนอาจจะยังไม่รู้ว่า หากอยากให้การกู้ชีพนั้นมีประสิทธิมากยิ่งขึ้น ควรทำ CPR ควบคู่กับการใช้ “เครื่อง AED” หรือเครื่องกระตุกหัวใจอัตโนมัติ (Automated External Defibrillator) เพราะการทำ CPR มักจะมีข้อจำกัดเรื่องการออกแรงของผู้ทำการช่วยเหลือ ที่ต้องกดหน้าอกให้ลึกอย่างน้อย 5 เซนติเมตร ต้องกดหรือปั๊มหัวใจในอัตราเร็ว 100-120 ครั้งต่อนาที และต้องกดหน้าอกต่อเนื่องยาวนาน ไปจนกว่าเจ้าหน้าที่หน่วยกู้ชีพฉุกเฉินจะมาถึง รวมถึงอาจมีข้อจำกัดเรื่องตำแหน่งในการกดหน้าอก ที่อาจคลาดเคลื่อนไปจากตำแหน่งตรงกลางระหว่างอก ทำให้แรงกดไม่สามารถไปกระตุ้นการทำงานของหัวใจได้มากพอ

ดังนั้นการใช้เครื่อง AED สลับกับการ CPR จะช่วยให้ผู้ป่วยจะยังคงได้รับการกู้ชีพอย่างต่อเนื่อง โดยเครื่อง AED มีหน้าที่อ่านค่าและวิเคราะห์คลื่นไฟฟ้าหัวใจของผู้ป่วย รวมถึงปล่อยกระแสไฟฟ้าออกมากระตุ้นหัวใจของผู้ป่วยให้กลับมาทำงานตามปกติ ทั้งนี้ควรใช้เครื่องในขณะที่ผู้ป่วยตัวแห้ง ไม่มีหยดน้ำเกาะตามร่างกาย และไม่มีวัตถุที่เป็นตัวล่อกระแสไฟฟ้า เพื่อป้องกันอันตรายที่อาจเกิดขึ้นกับตัวผู้ป่วยและผู้ทำการช่วยเหลือ

ปัจจุบันเครื่อง AED มีวางจำหน่ายหลายประเภท แต่สามารถแบ่งได้เป็น 2 ประเภทหลัก ๆ คือ เครื่อง AED แบบกึ่งอัตโนมัติ ที่เครื่องผู้ใช้ต้องกดปุ่มเพื่อปล่อยกระแสไฟฟ้าเอง และ เครื่อง AED แบบอัตโนมัติ ที่ปล่อยกระแสไฟฟ้าได้โดยอัตโนมัติ แต่ทั้ง 2 ประเภทให้ผลลัพธ์ในการรักษาไม่ต่างกัน

เครื่อง AED ใช้งานอย่างไร

เครื่อง AED มีวิธีการใช้งานที่ไม่ยุ่งยากอย่างที่หลายคนกังวล และมักจะมีคู่มือหรือตำแนะนำแบบละเอียดแนบมากับตัวเครื่องด้วย ดังนี้

  1. เปิดเครื่องและทำตามเสียงคำแนะนำ หรือทำตามคู่มือ และตรวจสอบสภาพเครื่องให้พร้อมใช้งาน เช่น สายไฟจากแผ่นนำไฟฟ้าต่อเข้ากับตัวเครื่องแล้วหรือยัง สายไฟมีรอยฉีกขาดหรือไม่ แบตเตอรี่ของเครื่องยังใช้ได้ดีอยู่หรือไม่ เป็นต้น
  2. ลอกผนึกด้านหลังแผ่นนำไฟฟ้าออก แล้วติดแผ่นนำไฟฟ้าบนหน้าอกผู้ป่วยให้แนบสนิท แผ่นแรกอยู่ใต้กระดูกไหปลาร้าด้านขวา แผ่นที่สองติดไว้ใต้ราวนมด้านซ้าย
  3. รอให้เครื่อง AED วิเคราะห์คลื่นไฟฟ้าหัวใจของผู้ป่วย โดยระหว่างนั้นห้ามผู้ทำการช่วยเหลือแตะต้องตัวผู้ป่วย ถ้าเครื่องพบว่าคลื่นไฟฟ้าของผู้ป่วยเป็นชนิดที่ต้องการการรักษาด้วยการกระตุกไฟฟ้าหัวใจ เครื่องจะแจ้งให้ทราบ
  4. เริ่มกดปุ่มปล่อยกระแสไฟฟ้า (สำหรับเครื่องกึ่งอัตโนมัติ) หรือรอให้เครื่องเริ่มทำงานเอง (สำหรับเครื่องอัตโนมัติ) จนกว่าเครื่องจะแจ้งเตือนว่าให้หยุดใช้เครื่องหรือ “No Shock is Needed” และ เริ่ม CPR อีกครั้ง หรือ “Start CPR” ให้ปิดเครื่องทันที และสลับไปทำ CPR ต่อเนื่องเป็นเวลาประมาณ 2 นาที หากสัญญาณชีพของผู้ป่วยยังไม่กลับมา ให้สลับกลับไปใช้เครื่อง AED อีกครั้ง

เพื่อความปลอดภัยสูงสุด ก่อนเริ่มทำ CPR และใช้เครื่อง AED แนะนำให้โทรแจ้งหน่วยกู้ชีพหรือโรงพยาบาลด้วย เพื่อให้เจ้าหน้าที่ผู้เชี่ยวชาญแนะนำการช่วยเหลือผู้ป่วยที่ถูกต้อง ครบถ้วน ระหว่างรอเจ้าหน้าที่ไปรับผู้ป่วย

แนะนำ เครื่อง AED กึ่งอัตโนมัติที่ควรมีติดบ้าน

             สำหรับใครที่กำลังสนใจอยากมีเครื่อง AED ติดบ้านไว้สักเครื่อง เพื่อป้องกันเหตุฉุกเฉินที่อาจเกิดขึ้นกับคนในครอบครัว ขอแนะนำ เครื่อง AED กึ่งอัตโนมัติ Yuwell รุ่น Heart Save Y8 ที่มีความโดดเด่นเรื่องการพกพาง่าย เคลื่อนย้ายสะดวก มีระบบแจ้งเตือนความลึกของการกดปั๊มหัวใจ ใช้เทคโนโลยี Biphasic ช่วยลดการเบิร์นของผิวบริเวณที่ติดแผ่นนำไฟฟ้า สามารถปรับกระแสไฟฟ้าได้หลายระดับ และมีระบบแนะนำการใช้งาน 4 ภาษา ได้แก่ ไทย อังกฤษ จีน และญี่ปุ่น ตอบโจทย์การใช้งานของทุกครอบครัวได้เป็นอย่างดี ศึกษารายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ https://fasicare.com/product/aed-heart-save-y8/