3 เหตุผลที่ควรติดตั้ง “เครื่องกระตุ้นหัวใจไฟฟ้า” ในโรงเรียน

3 เหตุผลที่ควรติดตั้ง “เครื่องกระตุ้นหัวใจไฟฟ้า” ในโรงเรียน

 โรงเรียนเป็นสถานที่ที่มีผู้ใช้บริการส่วนใหญ่เป็นเด็กๆ ซึ่งถือว่าเป็นช่วงวัยที่มีความแข็งแรงสดใส ตามวัย ทำให้บางครั้งได้มีการมองข้ามการติดตั้ง “เครื่องกระตุ้นหัวใจไฟฟ้า” หรือไม่ได้ดูแลรักษาเครื่องมือให้อยู่ในสภาพสมบูรณ์ พร้อมใช้งาน เพราะเชื่อว่าเด็กๆ คงไม่ค่อยมีโอกาสได้พบกับสถานการณ์ฉุกเฉินทางสุขภาพ เช่น หน้ามืด หมดสติ หัวใจวาย ฯลฯ ได้บ่อยเหมือนผู้ใหญ่

ซึ่งความจริงแล้ว ความเชื่อดังกล่าวเป็นเรื่องผิด และมีความอันตรายอย่างมาก แต่จะเพราะเหตุผลใดนั้น บทความนี้จะพาไปเจาะลึกพร้อมๆ กัน กับ 3 เหตุผลที่ควรติดตั้งเครื่องกระตุ้นหัวใจไฟฟ้าไว้ในโรงเรียน

เครื่องกระตุ้นหัวใจไฟฟ้าคืออะไร

            เครื่องกระตุ้นหัวใจไฟฟ้า หรือที่รู้จักกันในชื่อ “เครื่อง AED” (Automated External Defibrillator) เป็นเครื่องมือที่มีหน้าที่อ่านค่าและวิเคราะห์คลื่นไฟฟ้าหัวใจของผู้ป่วย รวมถึงปล่อยกระแสไฟฟ้าออกมากระตุ้นหัวใจของผู้ป่วยให้กลับมาทำงานตามปกติ โดยปกติแล้วจะใช้ควบคู่กับการปั๊มหัวใจ หรือ CPR เพื่อให้เกิดผลลัพธ์ในการรักษาที่ดีที่สุด

เหตุผลที่ควรติดตั้งเครื่องกระตุ้นหัวใจไฟฟ้าในโรงเรียน

             สำหรับเหตุผลที่อยากแนะนำให้โรงเรียนและสถานศึกษาต่างๆ ให้ความสำคัญกับการติดตั้งเครื่องกระตุ้นหัวใจไฟฟ้า มีดังนี้

เพิ่มความปลอดภัยให้เป็นไปตามข้อกำหนดทางกฎหมาย

บางคนอาจไม่เคยทราบมาก่อนว่า โรงเรียนเป็นหนึ่งในสถานที่ที่ข้อกฎหมายกำหนดให้ต้องมีการติตตั้งเครื่องกระตุ้นหัวใจไฟฟ้า โดยเฉพาะกับโรงเรียนหรือสถานศึกษาที่ไม่ได้มีการตรวจตราอย่างเข้มงวดจากหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง

กฎกระทรวงจากกระทรวงมหาดไทยฉบับที่ 69 ข้อ 29/2 ระบุว่า “อาคารสูงหรืออาคารขนาดใหญ่พิเศษ ที่เป็นอาคารสาธารณะ ต้องจัดให้มีพื้นที่หรือตำแหน่งติดตั้งเครื่องกระตุ้นหัวใจไฟฟ้า (ออกตามความในพระราชบัญญัติควบคุมอาคาร พ.ศ. 2522)”

โดยอาคารสาธารณะ หมายถึง อาคารที่ใช้เพื่อประโยชน์ในการชุมนุมคนได้โดยทั่วไป เพื่อกิจกรรมทาง ราชการ การเมือง การศึกษา การศาสนา การสังคม การนันทนาการ หรือการพาณิชยกรรม เช่น โรงมหรสพ หอประชุม โรงแรม โรงพยาล สถานศึกษา หอสมุด เป็นต้น, อาคารสูง หมายถึง อาคารที่บุคคลอาจเข้าอยู่หรือเข้าใช้สอยได้โดยมีความสูง 23 เมตรขึ้นไป และอาคารขนาดใหญ่พิเศษ หมายถึง อาคารที่ก่อสร้างขึ้นเพื่อใช้อาคารหรือส่วนหนึ่งของอาคารเป็นที่อยู่อาศัยหรือประกอบกิจการประเภท เดียวกันหรือหลายประเภทโดยมีพื้นที่รวมกันทุกชั้นหรือชั้นหนึ่งชั้นใดในหลังเดียวกันตั้งแต่ 10,000 ตารางเมตรขึ้นไป

ดังนั้นหากโรงเรียนหรือสถานศึกษาใดที่เข้าเงื่อนไขดังกล่าวเพียงอย่างหนึ่งอย่างใดก็จำเป็นต้องติดตั้งเครื่องกระตุ้นหัวใจไฟฟ้าไว้ในพื้นที่ด้วย โดยควรให้ติดตั้งอยู่ในจุดที่สังเกตได้ง่าย มองเห็นได้ในที่มืด สูงจากพื้นไม่เกิน 1.50 เมตร มีสัญลักษณ์ที่เป็นเครื่องหมายสากลในจุดที่ติดตั้งและขั้นตอนวิธีการช่วยเหลือฉุกเฉิน เป็นต้น

ภาวะหัวใจหยุดเต้นเกิดขึ้นได้กับคนทุกช่วงวัย

แม้ว่าสถิติมากมายจะชี้ว่าวัยผู้ใหญ่และวัยสูงอายุมีโอกาสเกิดภาวะหัวใจหยุดเต้นได้มากกว่าวัยเด็ก แต่ก็ไม่ได้หมายความว่าเด็ก ซึ่งเป็นบุคลากรส่วนใหญ่ในโรงเรียน จะไม่มีโอกาสเกิดภาวะนี้ได้เลย เพราะเด็กแต่ละคนมีสภาพร่างกาย สภาพครอบครัว และปัจจัยแวดล้อมแตกต่างกันไป เช่น บางคนอาจมีอาการโรคหัวใจที่ไม่เคยตรวจพบมาก่อน บางคนอาจมีโรคประจำตัว บางคนอาจพักผ่อนน้อยหรือมีอาการเจ็บป่วย เป็นต้น

รวมถึงบางวิชาเรียนหรือบางกิจกรรม ก็อาจกระตุ้นให้เด็กๆ เกิดภาวะหัวใจหยุดเต้นโดยไม่ตั้งใจได้เหมือนกัน เช่น การออกกำลังกายหรือเล่นกีฬาอย่างหนัก กิจกรรมที่ทำให้เด็กตื่นเต้นหรือตกใจกลัวจนเกินไป เป็นต้น ดังนั้นการติดตั้งเครื่องกระตุ้นหัวใจไฟฟ้าไว้ในโรงเรียน จะช่วยเพิ่มโอกาสรอดชีวิตให้กับเด็กๆ ได้

ในโรงเรียนมีคนหลายช่วงวัยใช้พื้นที่ร่วมกัน

อย่างไรก็ตาม นอกจากเด็กๆ ที่เป็นนักเรียนแล้ว ภายในโรงเรียนยังมีคนหลายช่วงวัยที่ใช้พื้นที่ร่วมกัน เช่น คุณครู แม่ครัว นักการภารโรง ผู้มาติดต่อ รวมถึงชาวบ้านที่อยู่อาศัยบริเวณใกล้เคียงโรงเรียน

อย่างที่บอกไปแล้วว่าภาวะหัวใจหยุดเต้นสามารถเกิดขึ้นได้กับคนทุกวัย และหากรักษาไม่ทันก็อาจทำให้เกิดการเสียชีวิตได้ ดังนั้นเราไม่มีทางทราบล่วงหน้าเลยว่า วันใดที่จะเกิดเหตุการณ์ฉุกเฉินขึ้นมา จึงจำเป็นต้องเตรียมเครื่องกระตุ้นหัวใจไฟฟ้าให้พร้อมใช้งานอยู่เสมอ

             จะเห็นได้ว่าเครื่องกระตุ้นหัวใจไฟฟ้ามีความสำคัญมากกว่าที่คิด และมีเหตุผลสมควรในการติดตั้งไว้ในโรงเรียนที่เป็นพื้นที่สาธารณะ ซึ่งมีคนหลายช่วงวัยใช้งานร่วมกัน

สำหรับโรงเรียนที่ยังไม่ได้มีการติดตั้งเครื่องกระตุ้นหัวใจไฟฟ้า ขอแนะนำเครื่องกระตุ้นหัวใจไฟฟ้ากึ่งอัตโนมัติ Yuwell รุ่น Heart Save Y8 ที่โดดเด่นเรื่องการใช้งานง่าย พกพาง่าย เคลื่อนย้ายสะดวก ใช้พลังงานจากแบตเตอรี่ และมีระบบแนะนำการใช้งานเป็นเสียงถึง 4 ภาษา ได้แก่ ภาษาไทย อังกฤษ จีน และญี่ปุ่น