โรคคนเมือง พร้อมเทคนิคการดูแลตัวเองฉบับง่ายๆ

โรคคนเมือง พร้อมเทคนิคการดูแลตัวเองฉบับง่ายๆ

วิธีดูแลป้องกันตัวเองจากโรคประจำตัวสุดฮิตของคนเมือง

เราเชื่อว่าในยุคออนไลน์เช่นนี้ใครๆ ก็เป็นอายุน้อยร้อยล้านได้เพราะด้วยเครื่องมือที่ชื่อว่าออนไลน์นั้นสามารถที่จะสื่อสารกับทุกคนได้ทั่วโลกในเวลาอันรวดเร็ว แต่แน่นอนว่าเมื่อมีจุดแข็งก็ย่อมมีจุดอ่อนเช่นกัน เนื่องด้วยการแข่งขันในโลกออนไลน์นั้นสูงมากส่งผลให้ผู้ที่ทำงานในยุคออนไลน์จำเป็นต้องเรียนรู้และพัฒนาทักษะอยู่ตลอดเวลา เพราะเพียงแค่หยุดนิ่งก็เท่ากับว่ากำลังเดินถอยหลังแล้ว ดังนั้นเมื่อเกิดการแข่งขันที่สูงขึ้นส่งผลให้ผู้คนจึงเลือกที่จะทำงานมากขึ้นจนในบางครั้งก็ละเลยทรัพย์สินที่มีค่ามากที่สุดอย่างร่างกายนั่นเอง ก่อให้เกิดเป็นโรคคนเมืองต่างๆ มากมายไม่ว่าจะเป็นโรคเบาหวาน, โรคความดันโลหิตสูง, โรคภูมิแพ้ หรือโรคออฟฟิศซินโดรม เป็นต้น และแน่นอนว่าด้วยเทคโนโลยีที่ล้ำสมัยมากขึ้นส่งผลให้เหล่าคนทำงานสามารถตรวจเช็คร่างกายเบื้องต้นได้ด้วยตนเองที่บ้านเพื่อเป็นการประหยัดงบประมาณและประหยัดเวลาในการไปพบแพทย์ อาทิเช่น เครื่องวัดความดันโลหิต, เครื่องตรวจเบาหวาน, เครื่องวัดอุณหภูมิ หรือเครื่องวัดออกซิเจนที่ปลายนิ้ว เป็นต้น หากไม่อยากเป็นอายุน้อยร้อยโรควันนี้เราจะมาพูดถึงโรคคนเมืองฮอตฮิตที่หลายคนมักเป็นพร้อมแจกเทคนิคการดูแลตัวเองฉบับง่ายๆ เพื่อนำไปดูแลตัวเองหรือคนที่เรารัก

โรคเบาหวาน

โรคเบาหวานเป็นหนึ่งในโรคคนเมืองที่ฮอตฮิตในระดับต้นๆ เพราะอาหารและขนมที่เรามักพบเจอในชีวิตประจำวันก็ล้วนมีส่วนประกอบของน้ำตาลทั้งสิ้น ซึ่งโรคนี้จะเกิดจากการที่ร่างกายไม่สามารถนำน้ำตาลไปใช้ได้อย่างเหมาะสมส่งผลให้น้ำตาลในเลือดสูงซึ่งเป็นผลมาจากการที่ร่างกายขาดฮอร์โมนอินซูลินทำให้ร่างกายไม่สามารถนำน้ำตาลไปใช้ได้อย่างมีประสิทธิภาพ เราสามารถตรวจน้ำตาลในเลือดได้เบื้องต้นโดยการใช้เครื่องตรวจเบาหวานเสมือนเป็นการดูแลตัวเองขั้นพื้นฐาน เมื่อสังเกตร่างกายตัวเองแล้วว่ามีอาการกระหายน้ำ, อ่อนเพลีย ,เหนื่อยง่าย, ปัสสาวะบ่อย หรือเบื่ออาหาร สามารถใช้เครื่องตรวจเบาหวานได้ทันทีเพื่อตรวจเช็คร่างกายตัวเองเบื้องต้นแต่หากพบความผิดปกติร้ายควรไปปรึกษาแพทย์ทันทีโดยโรคเบาหวานจะแบ่งออกเป็นสี่ประเภทประกอบด้วย ประเภทที่ 1 มักเกิดจากตับอ่อนไม่สามารถสร้างฮอร์โมนอินซูลินได้, ประเภทที่ 2 มักเกิดจากภาวะการดื้ออินซูลิน, ประเภทที่ 3 มักเกิดจากเบาหวานขณะตั้งครรภ์ และประเภทที่ 4 มักเกิดจากความผิดปกติของพันธุกรรม

การดูแลตัวเองจากโรคเบาหวาน

  • การออกกำลังกายอย่างสม่ำเสมอควบคู่ไปกับการควบคุมอาหาร อาหารที่ควรหลีกเลี่ยง ได้แก่ ไข่แดง, กะทิ, อาหารทอด, ครีม, เนย, เครื่องในสัตว์ หรือของหวานจัดทุกชนิด
  • งดสูบบุหรี่และดื่มเครื่องดื่มแอลกอฮอล์ เพราะบุหรี่จะส่งผลอันตรายต่อหัวใจและหลอดเลือดและแอลกอฮอล์จะส่งให้ร่างกายดื้อยาที่ใช้รักษาหรือควบคุมโรคเบาหวานนั่นเอง
  • หมั่นเช็คความดันโลหิตเป็นประจำ เพราะถ้าความดันโลหิตสูงจำเป็นต้องทานยาลดความดันควบคู่ไปด้วย และเนื่องด้วยเทคโนโลยีในปัจจุบันสามารถซื้อเครื่องวัดความดันโลหิตเพื่อวัดความดันได้เองที่บ้านเพื่อเป็นการประหยัดงบในการพบแพทย์ได้อีกด้วย
  • ควรพบแพทย์ตามนัดเพื่อการรักษาอย่างต่อเนื่อง เพราะโรคเบาหวานไม่ใช่โรคที่จะรักษากันได้ง่าย ไม่เหมือนไข้หวัดที่เป็นแล้วหายง่าย แต่ต้องได้รับการรักษาอย่างต่อเนื่องหรือสามารถซื้อเครื่องวัดเบาหวานเพื่อเช็คร่างกายของตัวเองเบื้องต้นและถ้าหากเช็คแล้วน้ำตาลสูงมากก็ควรไปพบแพทย์อย่างเร่นด่วน

Add lineสอบถามสินค้า Fasicare

โรคความดันโลหิต

ภัยเงียบที่ทุกคนควรพึงระวังเพราะสามารถส่งผลอันตรายต่อชีวิตได้ไม่ว่าจะเป็นการที่หัวใจเต้นผิดจังหวะ, ภาวะหัวใจวายฉับพลัน หรือหลอดเลือดหัวใจตีบ เป็นต้น ซึ่งโดยปกติแล้วโรคความดันจะไม่ค่อยแสดงอาการชัดเจนสักเท่าไหร่แต่จะมีสัญญาณเตือนเบื้องต้น อาทิเช่น อาการเวียนศีรษะ, นอนไม่หลับ, ใจสั่นง่าย, ปวดบริเวณท้ายทอย หรืออาการอ่อนเพลียง่าย ซึ่งอาการเบื้องต้นเหล่านี้เกิดมาจากการที่แรงดันภายในหลอดเลือดสูงโดยสามารถเกิดขึ้นได้จากปัจจัยสองสาเหตุหลักๆ คือ กรรมพันธุ์อย่างครอบครัวที่มีประวัติเคยเป็นโรคความดันเราก็สามารถมีภาวะที่จะเสี่ยงเป็นโรคความดันได้และการใช้ชีวิตประจำวันของแต่ละคนอย่างการทานอาหาร, สูบบุหรี่, ดื่มแอลกอฮอล์ หรือภาวะเครียดสะสม สาเหตุทั้งหมดทั้งมวลนี้สามารถนำมาซึ่งโรคความดันโลหิตได้ทั้งนั้น แต่เราสามารถวัดความดันโลหิตได้ด้วยตนเองที่บ้านโดยการซื้อเครื่องวัดความดันโลหิตเพื่อเป็นการตรวจเช็คร่างกายเบื้องต้น หากพบว่ามีภาวะความดันโลหิตที่สูงจะได้รักษาตัวได้ทันการณ์

การดูแลตัวเองจากโรคความดันโลหิต

ควบคุมอาหารโดยเฉพาะการหลีกเลี่ยงอาหารที่มีรสชาติเค็มจัดเพราะจะส่งผลให้ความดันโลหิตสูงได้ง่าย อีกทั้งอาหารรสเค็มจะทำให้ไตทำงานหนักมากขึ้น

  • รู้จักผ่อนคลายไม่เครียดกันจนเกินไป เพราะความเครียดเป็นวายร้ายที่ก่อให้เกิดหลายโรคหากเราอยู่ในภาวะเครียดเป็นประจำหรือระยะเวลานานจะส่งผลต่อการเป็นโรคความดันได้ง่าย
  • งดสูบบุหรี่และดื่มเครื่องดื่มแอลกอฮอร์ เพราะพฤติกรรมเหล่านี้จะเป็นสาเหตุที่ทำให้ความดันโลหิตสูงได้ อีกทั้งยังส่งผลให้ไขมันในเลือดสูงอีกด้วย
  • ทานยาความดันตามที่แพทย์สั่ง ไม่ควรหยุดยาหากไม่ได้รับคำสั่งจากแพทย์เพราะโรคความดันจะเป็นโรคที่ไม่ค่อยแสดงอาการดังนั้นควรทานยาเพื่อป้องกันตามที่แพทย์สั่งอย่างเคร่งครัด
  • หมั่นตรวจความดันโลหิตเป็นประจำ หากไม่ต้องการไปพบแพทย์สามารถซื้อเครื่องวัดความดันโลหิตที่บ้านได้เพื่อประเมินอาการเบื้องต้น แต่ถ้าพบกว่าเกิดความผิดปกติร้ายแรงควรไปพบแพทย์ทันที

โรคภูมิแพ้

อีกหนึ่งโรคคนเมืองฮอตฮิตที่พบบ่อยมากที่สุดคงหนีไม่พ้นโรคภูมิแพ้เพราะด้วยบรรยากาศในยุคปัจจุบันที่เต็มไปด้วยฝุ่นละออง, น้ำเน่าเสีย หรือควันพิษมากมายส่งผลให้ร่างกายต้องรับศึกหนักทุกวันจึงไม่น่าแปลกใจว่าทำไมผู้คนถึงเป็นโรคภูมิแพ้กันมากขึ้น โดยโรคภูมิแพ้สามารถแบ่งออกเป็นสองประเภทหลักๆ ด้วยกัน ได้แก่ ประเภทภูมิแพ้อาหารและประเภทภูมิแพ้อากาศ/สิ่งแวดล้อมโดยมักจะมีอาการเบื้องต้น อาทิเช่น อาการคันจมูก, อาการไอหรือจาม, อาการผื่นคันตามตัว หรืออาการลมพิษ เป็นต้น

การดูแลตัวเองจากโรคภูมิแพ้

  • ดูแลปกป้องตัวเองจากมลภาวะอย่างการสวมใส่หน้ากากอนามัยเพื่อป้องกันฝุ่นละออง, ควันรถ, เชื้อไวรส หรือไรฝุ่นต่างๆ เป็นต้น
  • ทานอาหารให้ครบ 5 หมู่และหมั่นออกกำลังกายเป็นประจำเพราะเมื่อร่างกายแข็งแรงจะสามารถช่วยเพิ่มภูมิคุ้มกันได้
  • หลีกเลี่ยงสารที่ก่อให้เกิดภูมิแพ้ โดยส่วนใหญ่แล้วผู้ที่เป็นโรคภูมิแพ้มักจะทราบอยู่แล้วว่าตัวเองแพ้อะไร อาทิเช่น แพ้อากาศเย็นหรือแพ้เกสรดอกไม้ ดังนั้นการหลีกเลี่ยงไม่ให้ตัวเองอยู่ใกล้สารก่อภูมิแพ้ก็จะช่วยลดระดับการแพ้ได้ดีเลยทีเดียว
  • การล้างจมูกด้วยน้ำเกลือ เป็นประจำทุกวัน วันละ 2 ครั้ง เช้า-เย็น เป็นหนึ่งในวิธีที่ช่วยบรรเทาอาการคัดจมูกได้เป็นอย่างดี เพราะการล้างจมูกนั้น ช่วยทำให้เศษฝุ่นที่เข้าไปติดค้างอยู่ในโพรงจมูก ไหลออกมากับน้ำเกลือที่สวนล้างเข้าไป ทำให้หายใจได้โล่ง ทั้งยังช่วยหลีกเลี่ยง หรือ บรรเทาไม่ให้เยื่อบุจมูกอักเสบอีกด้วย

โรคออฟฟิศซินโดรม

กลุ่มวัยทำงานคงไม่มีใครไม่รู้จักโรคออฟฟิศซินโดรมอันเกิดจากการที่จดจ่อยู่หน้าคอมพิวเตอร์เป็นระยะเวลานานส่งผลให้เกิดอาการปวดเมื่อยตามบริเวณต่างๆ ของร่างกายโดยเฉพาะหลังและไหล่ โดยอาการปวดของโรคออฟฟิศซินโดรมก็สามารถแบ่งออกเป็นสามลักษณะ ได้แก่ การปวดเมื่อยจากการที่เส้นประสาทถูกกดทับ, การปวดเมื่อยกล้ามเนื้อบริเวณส่วนใดส่วนหนึ่งของร่างกาย และอาการที่เกี่ยวกับระบบประสาทอัตโนมัติอย่างอาการวูบ, เหงื่ออก, เหน็บชา หรืออาการมึนงง เป็นต้น

การดูแลตัวเองจากโรคออฟฟิศซินโดรม

  • การบรรเทาอาการปวดโดยการนวดผ่อนคลาย อาทิเช่น นวดอโรมาหรือนวดแผนไทยจะช่วยให้กล้ามเนื้อผ่อนคลายแต่เป็นการดูแลเบื้องต้นเท่านั้น ถ้าอยากหายขาดต้องปรับจากพฤติกรรมในชีวิตประจำวัน
  • การปรับเปลี่ยนพฤติกรรมขณะทำงาน ไม่ควรนั่งทำงานในระยะเวลาที่นานเกินไป แต่ควรเดินยืดเส้นสายบ้างเพื่อเป็นการผ่อนคลายกล้ามเนื้อระหว่างวันไม่ให้กล้ามเนื้อรู้สึกตึงเครียดจนเกินไป
  • เลือกท่านั่งทำงานให้เหมาะสม ควรปรับระดับโต๊ะหรือเก้าอี้ให้เหมาะสมกับสรีระของร่างกายให้อยู่ในท่านั่งที่สบายมากที่สุด

Fasicare ก็มีผู้เชี่ยวชาญคอยให้บริการดูแลแบบครบวงจร ไม่ว่าจะเป็น รถเข็น รถเข็นไฟฟ้า เตียงผู้ป่วย ที่นอนลมป้องกันแผลกดทับ ที่นอนโฟม เครื่องวัดความดันโลหิต และอุปกรณ์ทางการแพทย์อีกมากมายนอกเหนือจากผู้เชี่ยวชาญคอยดูแลตอบคำถามแล้ว ยังมีบริการส่ง 24 ชั่วโมงหลังจากการสั่งซื้อ พร้อมกับติดตั้งให้ และทั้งหมดนี้ฟรี!!

สนใจสอบถามรายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่

Website : https://fasicare.com
Telephone: 0-2019-1388 (ต่อ 11 , 12 , 13), 086-3002582, 096-9357475
Line ID : @fasicare
Facebook: https://www.facebook.com/fasicare
E-mail: fasicareshop@gmail.com
Instagram : https://www.instagram.com/fasicare
Youtube : https://www.youtube.com/fasicareshop