ทำไมคนเป็นโรคหัวใจต้องใส่เครื่องกระตุ้นหัวใจ ถ้าไม่ใส่ได้ไหม

ตอบคำถาม ทำไมคนเป็นโรคหัวใจต้องใส่เครื่องกระตุ้นหัวใจ ถ้าไม่ใส่ได้ไหม

สำหรับเครื่องกระตุ้นหัวใจ เป็นอุปกรณ์ทางการแพทย์ที่สำคัญมากสำหรับผู้ป่วยโรคหัวใจบางประเภท โดยเฉพาะผู้ที่มีภาวะหัวใจเต้นช้าผิดปกติหรือมีปัญหาในการนำไฟฟ้าในหัวใจ การส่งสัญญาณไฟฟ้าไปกระตุ้นให้หัวใจเต้นในอัตราที่เหมาะสม ซึ่งช่วยให้หัวใจสามารถส่งเลือดไปยังอวัยวะต่าง ๆ ได้เพียงพอและลดความเสี่ยงจากการเกิดอาการหัวใจล้มเหลวหรือหมดสติ 

โดยทั่วไปแล้ว เครื่องจะถูกติดตั้งใต้ผิวหนังบริเวณหน้าอก และเชื่อมต่อกับหัวใจผ่านสายไฟฟ้า ซึ่งจะช่วยให้การเต้นของหัวใจมีความเสถียรและปลอดภัยยิ่งขึ้น สำหรับผู้ที่มีปัญหาการเต้นของหัวใจที่ไม่สามารถแก้ไขได้ด้วยการรักษาอื่น ๆ การใส่เครื่องกระตุ้นจะเป็นทางเลือกที่ช่วยปรับปรุงคุณภาพชีวิตและลดความเสี่ยงจากอาการแทรกซ้อนที่อาจเกิดขึ้นได้

 

ทำไมต้องใส่เครื่องกระตุ้นที่หัวใจ

เหตุผลที่ต้องใส่เครื่องกระตุ้นที่หัวใจ เพราะปัจจัยเหล่านี้

  1. หัวใจเต้นช้ากว่าปกติ (Bradycardia) : หากหัวใจเต้นช้ากว่าปกติ (น้อยกว่า 60 ครั้งต่อนาที) อาจทำให้การไหลเวียนเลือดไปยังอวัยวะต่าง ๆ ไม่เพียงพอ ส่งผลให้เกิดอาการเช่น เวียนศีรษะ เหนื่อยง่าย หรือหมดสติได้ การใส่เครื่องกระตุ้นจะช่วยให้หัวใจเต้นในอัตราที่เหมาะสมขึ้น
  2. หัวใจเต้นช้ากว่าปกติ (Bradycardia) : หากหัวใจเต้นช้ากว่าปกติ (น้อยกว่า 60 ครั้งต่อนาที) อาจทำให้การไหลเวียนเลือดไปยังอวัยวะต่าง ๆ ไม่เพียงพอ ส่งผลให้เกิดอาการเช่น เวียนศีรษะ เหนื่อยง่าย หรือหมดสติได้ การใส่เครื่องกระตุ้นจะช่วยให้หัวใจเต้นในอัตราที่เหมาะสมขึ้น
  3. การควบคุมการเต้นของหัวใจในผู้ที่มีโรคประจำตัวบางประเภท : เช่น ภาวะหัวใจเต้นผิดจังหวะ (Arrhythmia) หรือโรคหลอดเลือดหัวใจ ซึ่งอาจทำให้การเต้นของหัวใจไม่ปกติและไม่สามารถควบคุมได้
  4. การป้องกันภาวะหัวใจล้มเหลว : การใช้เครื่องกระตุ้นสามารถช่วยลดความเสี่ยงจากภาวะหัวใจล้มเหลวที่อาจเกิดจากการเต้นของหัวใจที่ผิดปกติ
  5. ปัญหาการนำไฟฟ้าในหัวใจ : ภาวะ Heart Block ซึ่งการส่งสัญญาณไฟฟ้าระหว่างห้องหัวใจผิดปกติ  ส่งผลให้หัวใจเต้นผิดจังหวะ (Arrhythmia) เช่น เต้นช้า (Bradycardia) หรือเต้นเร็ว (Tachycardia) หรืออาจทำให้หัวใจเต้นไม่สม่ำเสมอ

เครื่องกระตุ้นหัวใจ กับเครื่องกระตุกหัวใจ

 

ถ้าไม่ใส่เครื่องกระตุ้นที่หัวใจจะเกิดอะไรขึ้น

หากผู้ป่วยที่มีความจำเป็นต้องใส่เครื่องกระตุ้นหัวใจ (Pacemaker) แต่ไม่ได้รับการรักษา อาจส่งผลกระทบต่อสุขภาพและชีวิตได้

หมดสติ

จะเกิดอาการหมดสติ ซึ่งเกิดจากเลือดสูบฉีดไปเลี้ยงอวัยวะต่าง ๆ ไม่เพียงพอ ทำให้สมองขาดออกซิเจน

หัวใจวาย

เมื่อสมองขาดออกซิเจน ทำให้กล้ามเนื้อหัวใจไม่ได้รับเลือดที่มีออกซิเจนเพียงพอ ทำให้เซลล์กล้ามเนื้อหัวใจเริ่มตาย ส่งผลต่อการทำงานของหัวใจและอาจเป็นอันตรายถึงชีวิตหากไม่ได้รับการรักษาอย่างทันท่วงที

คุณภาพชีวิตแย่ลง

การที่ผู้ป่วยไม่สามารถดำเนินชีวิตประจำวันได้อย่างสะดวกหรือมีความสุขเหมือนเดิม เนื่องจากปัญหาสุขภาพที่ส่งผลต่อร่างกายและจิตใจอย่างต่อเนื่อง สำหรับภาวะหัวใจวายหรือโรคหัวใจอื่น ๆ การที่คุณภาพชีวิตแย่ลงมักเกี่ยวข้องกับอาการทางร่างกายที่กระทบต่อกิจวัตรประจำวัน รวมถึงผลกระทบด้านจิตใจและอารมณ์

 

ผู้ป่วยที่ต้องใส่เครื่องกระตุ้นที่หัวใจ ใช้ชีวิตอย่างไร

ผู้ป่วยที่ต้องใส่เครื่องกระตุ้นที่หัวใจ สามารถใช้ชีวิตได้ใกล้เคียงกับคนปกติ แต่ต้องปรับพฤติกรรมบางอย่างเพื่อป้องกันปัญหาหรือความเสียหายต่อเครื่องกระตุ้นที่หัวใจ รวมถึงดูแลสุขภาพโดยรวมให้เหมาะสม เช่น การใช้ชีวิตประจำวัน การเดิน การขับรถ (เมื่อแพทย์อนุญาต) ออกกำลังกายเบา ๆ หรือปานกลาง และหลีกเลี่ยงการยกของหนัก

 

การปรับเปลี่ยนพฤติกรรมหลังใส่เครื่องกระตุ้นที่หัวใจ

การปรับเปลี่ยนพฤติกรรมหลังใส่เครื่องกระตุ้นที่หัวใจ สามารถทำได้โดย

  • ปฏิบัติตามคำแนะนำของแพทย์
  • หลีกเลี่ยงกิจกรรมที่อาจรบกวนการทำงานของเครื่อง
  • ปรับเปลี่ยนการใช้ชีวิต เช่นการออกกำลังกาย  การนอน  การทำงาน
  • การรับประทานอาหาร เช่น งดดื่มกาแฟ งดสูบบุหรี่  เลือกทานอาหาร เสริมโภชนาการที่ดีต่อสุขภาพ

การดูแลแผล  

การดูแลแผลหลังใส่เครื่องกระตุ้นที่หัวใจมีความสำคัญมากเพื่อป้องกันการติดเชื้อและช่วยให้แผลหายเร็วขึ้น เช่น  ทำความสะอาดแผล ล้างมือให้สะอาด ก่อนสัมผัสบริเวณแผลปิดแผลด้วยผ้าก๊อซหรือพลาสเตอร์ปลอดเชื้อ

การใช้ชีวิตประจำวัน กิจกรรมที่ควรหลีกเลี่ยง

  • หลีกเลี่ยงการให้แผลโดนน้ำในช่วง 5-7 วันแรก (แพทย์อาจแนะนำให้ใช้พลาสติกห่อกันน้ำขณะอาบน้ำ)
  • การเกาหรือกดแผล
  • ห้ามยกของหนักหรือเคลื่อนไหวแขนด้านที่ใกล้กับเครื่องกระตุ้นมากเกินไปในช่วง 4-6 สัปดาห์แรก
  • ใส่เสื้อผ้าที่หลวมสบาย ไม่เสียดสีกับแผล

การดูแลแผลอย่างเหมาะสมช่วยลดความเสี่ยงต่อการติดเชื้อและช่วยให้คุณฟื้นตัวเร็วขึ้น หากมีข้อสงสัยเกี่ยวกับแผล ควรปรึกษาแพทย์หรือพยาบาลเพื่อรับคำแนะนำเพิ่มเติม

กิจกรรมที่สามารถทำได้

หลังจากใส่เครื่องกระตุ้น ยังสามารถทำกิจกรรมต่าง ๆ ได้เกือบเหมือนเดิม แต่ควรปรับเปลี่ยนบางอย่างเพื่อให้เหมาะสมกับสุขภาพและการป้องกันไม่ให้เครื่องกระตุ้นที่หัวใจได้รับผลกระทบ กิจกรรมที่สามารถทำได้  เช่น การออกกำลังกายเบา ๆ การยืดเหยียดกล้ามเนื้อหรือออกกำลังกายที่ไม่ต้องใช้แรงมาก , การเดินเล่นหรือเดินเร็ว เป็นต้น

การติดตามแพทย์

  • ควรตรวจติดตามทุก 2-6 เดือน  เช่น  ตรวจดูการฟื้นตัวของแผลผ่าตัด ตรวจสอบการทำงานและเช็กสถานะการทำงานของเครื่องกระตุ้นที่หัวใจ

ตรวจสอบอายุการใช้งานของแบตเตอรี่, ตรวจสอบการตอบสนองของร่างกายต่อเครื่องกระตุ้น

การใช้ชีวิตให้มีความสุข

หลังใส่เครื่องกระตุ้นแล้ว เป็นเรื่องที่ทำได้ง่าย หากคุณปรับตัวและใส่ใจในสุขภาพของตัวเองอย่างเหมาะสม ต่อไปนี้คือคำแนะนำเพื่อให้คุณสามารถใช้ชีวิตได้อย่างมีความสุข

  • ยอมรับและมองโลกในแง่ดี
  • ดูแลสุขภาพกาย
  • ดูแลสุขภาพใจ
  • สร้างความสัมพันธ์ที่ดีกับคนที่รัก
  • วางแผนเป้าหมายในชีวิต

 

เครื่องกระตุกหัวใจ อยู่ได้นานแค่ไหน

อายุการใช้งานของเครื่องกระตุ้นหัวใจ  แบตเตอรี่เป็นส่วนที่ต้องเปลี่ยนเมื่อหมดอายุ โดยทั่วไปแบตเตอรี่เครื่องกระตุ้นที่หัวใจ Pacemaker จะมีอายุการใช้งาน 7-10 ปี หรือมากกว่านั้น ขึ้นอยู่กับประเภทของเครื่อง การตั้งค่าการกระตุ้น (ความถี่และระดับพลังงาน)ระดับการใช้งาน (ผู้ป่วยที่ใช้การกระตุ้นบ่อยจะทำให้แบตเตอรี่หมดเร็วกว่า) ตัวเครื่องกระตุ้นที่หัวใจสามารถใช้งานได้นานหลายสิบปี และไม่จำเป็นต้องเปลี่ยนใหม่ หากเครื่องไม่มีปัญหาทำงานผิดปกติหรือการเสื่อมสภาพของเครื่อง

 

เครื่องกระตุ้นหัวใจ กับเครื่องกระตุกหัวใจ

 

เครื่องกระตุ้นที่หัวใจ กับเครื่องกระตุกหัวใจ AED ต่างกันอย่างไร

  • เครื่องกระตุ้นที่หัวใจ (Pacemaker)

เครื่องกระตุ้นหัวใจ ใช้สำหรับช่วยควบคุมจังหวะการเต้นของหัวใจในผู้ที่มีภาวะหัวใจเต้นช้า (Bradycardia) หรือเต้นผิดจังหวะเรื้อรัง  โดยทำการฝังอยู่ในร่างกายผู้ป่วยถาวรส่งสัญญาณไฟฟ้าขนาดเล็กไปกระตุ้นหัวใจให้เต้นในจังหวะที่เหมาะสมช่วยรักษาจังหวะการเต้นของหัวใจในระยะยาว

เหมาะสำหรับ  ผู้ป่วยที่มีปัญหาจังหวะการเต้นของหัวใจช้าหรือผิดปกติในระยะยาว ผู้ป่วยโรคหัวใจล้มเหลว (Heart Failure) หรือผู้ที่มีปัญหาหัวใจเต้นผิดจังหวะเรื้อรัง

  • เครื่องกระตุกหัวใจ AED (Automated External Defibrillator)

ใช้สำหรับช่วยฟื้นฟูจังหวะการเต้นของหัวใจในภาวะฉุกเฉิน เช่น หัวใจหยุดเต้น (Cardiac Arrest) หรือหัวใจเต้นเร็วผิดปกติ (Ventricular Fibrillation)  การทำงานเป็นเครื่องที่ใช้งานภายนอกร่างกาย

ตรวจจับและวิเคราะห์จังหวะการเต้นของหัวใจหากพบว่าจังหวะผิดปกติ จะปล่อยกระแสไฟฟ้าแรงสูงเพื่อ “ช็อก” หัวใจให้กลับมาเต้นปกติมีระบบคำแนะนำเสียงเพื่อช่วยผู้ใช้ในการดำเนินการ

เหมาะสำหรับการช่วยชีวิตในกรณีฉุกเฉิน เช่น ผู้ป่วยหมดสติจากหัวใจหยุดเต้นใช้ในสถานที่สาธารณะ เช่น สนามบิน โรงเรียน หรือออฟฟิศ เพื่อช่วยฟื้นคืนชีพ (CPR) ในสถานการณ์ฉุกเฉิน

 

ซื้อเครื่องกระตุ้นที่หัวใจ เครื่องกระตุกหัวใจ ที่ไหนดี

หากคุณกำลังมองหาสถานที่ซื้อเครื่องกระตุ้นที่หัวใจ หรือเครื่องกระตุกหัวใจไฟฟ้าอัตโนมัติ (AED) ในประเทศไทย เรามีคำแนะนำที่อาจเป็นประโยชน์กับคุณ

  • โรงพยาบาลและสถานพยาบาลชั้นนำ
  • ร้านจำหน่ายอุปกรณ์การแพทย์
  • ตัวแทนจำหน่ายอย่างเป็นทางการ
  • การปรึกษาแพทย์หรือผู้เชี่ยวชาญ

ทั้งนี้ ก่อนการซื้อ ควรตรวจสอบความน่าเชื่อถือของผู้จำหน่าย มาตรฐานและการรับรองของผลิตภัณฑ์ รวมถึงการรับประกันและบริการหลังการขาย เพื่อให้มั่นใจว่าได้รับสินค้าที่มีคุณภาพและปลอดภัยต่อการใช้งาน

ฟาซิแคร์ ผู้ให้บริการด้านอุปกรณ์ดูแลสุขภาพ อุปกรณ์ดูแลผู้สูงอายุและผู้ป่วย มีอุปกรณ์ครบครัน ได้รับมาตรฐานระดับสากล พร้อมดูแลคุณและคนที่คุณรัก ด้วยทีมงานผู้เชี่ยวชาญคอยให้คำแนะนำ การซื้อเครื่องกระตุ้นที่หัวใจพร้อมอัพเดทสาระความรู้ด้านการดูแลสุขภาพ ที่สามารถนำไปปรับใช้จริงได้ในชีวิตประจำวัน